วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

มารู้จักคำว่า GMT กันครับ

เราเคยเห็นไหมครับ เวลาเราตั้งเวลาโทรศัพท์มือถือหรือตั้งเวลาในนาฬิกาต่างๆ จะมีคำว่า GMT +7, GMT -2 เป็นต้น เคยสงสัยไหมครับว่ามันคืออะไร วันนี้มีเรื่องราวของคำว่า GMT มาฝากกันครับผม

แนวคิดกำหนดเวลามาตรฐานประจำถิ่นเริ่มมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เพื่อขจัดความสับสนเนื่องจากการจับเวลาตามแสงอาทิตย์ การกำหนดเวลามาตรฐานท้องถิ่นจึงจำเป็นมากขึ้นเมื่อมีการเดินรถไฟขึ้น ในปี 1840 ได้มีการใช้เวลามาตรฐานครั้งแรกในอังกฤษ โดยทั้งประเทศใช้เวลามาตรฐานที่เมืองกรีนีช ต่อมา เซอร์ แซนฟอร์ด เฟรมมิง นักวางแผน และวิศวกรรถไฟชาวแคนาดา ได้เป็นผู้ริเริ่มความคิดที่มีการใช้เวลามาตรฐานไปทั่วโลก

การใช้เวลามาตรฐาน (Standard Time) ของแต่ละประเทศ เทียบกับเวลามาตรฐานโลก (Universal Time Co-ordinated หรือ UTC) นั้นใช้กฎเกณฑ์พื้นฐานที่ได้จากการประชุมนานาชาติ International Prime Meridian Conference ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อ 1 พฤศจิกายน 1884 ตามคำเรียกร้องของประธานาธิบดีเชสเตอร์ เอ. อาเธอร์ แห่งสหรัฐฯ มี 25 ประเทศเข้าร่วมประชุม

ที่ประชุมมีข้อตกลงให้แบ่งโลกตามแนวเส้นแวง (ลองจิจูด) ออกเป็น 24 โซนเท่าๆ กัน แต่ละโซนมีค่า 15 องศา ทั้งในทางทิศตะวันตกและตะวันออก และมีค่าเท่ากับ 1 ชั่วโมงห่างจากโซนที่ติดกัน สำหรับเส้น 0 องศา เรียกว่าเส้นเมริเดียนหลัก (Prime Meridian) กำหนดอยู่ที่หอสังเกตการณ์ด้านดาราศาสตร์ของอังกฤษ ในเขตกรีนิช ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงลอนดอน และมีเส้นแบ่งวัน (International Date Line) อยู่ที่ 180 องศา

สาเหตุที่เลือกเอากรีนิชนั้น ก็สืบเนื่องมาจากสมัยนั้น นักเดินเรือและระวางบรรทุกส่วนใหญ่กำหนดให้กรีนิชเป็นเส้นเมอริเดียนหลักบนแผนที่เดินทางของพวกเขาอยู่แล้ว

ประเทศต่างๆ ได้รับเอาแนวคิดนี้ โดยใช้เส้นแวงที่แบ่งประเทศออกเป็นสองส่วนเป็นตัวกำหนดเวลาว่า เวลามาตรฐานประจำถิ่น เร็วกว่าหรือช้ากว่าเวลามาตรฐานโลกที่เมืองกรีนีชเท่าไร โดยใช้เครื่องหมาย บวก (+) หรือ ลบ (-) เทียบจากเวลาสากลนับจากเมืองกรีนิชนั่นเอง (GMT - Greenwich Mean Time)

อย่างไรตาม เนื่องจากการกำหนดเวลามาตรฐานของแต่ละประเทศนั้นเป็นสิทธิของแต่ประเทศ หลายประเทศมีการเปลี่ยนแปลงเวลามาแล้ว เช่น ประเทศเนปาล ที่เปลี่ยนจาก UTC+5.40 มาเป็น UTC+ 5.45 ล่าสุด จอร์แดนก็เปลี่ยนเวลามาตรฐานของจาก UTC+2 ชั่วโมงมาเป็น UTC+3 ชั่วโมง ในปี 1999 ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงส่วนมากจะมีสาเหตุด้านการพาณิชย์เป็นส่วนใหญ่

สำหรับประเทศไทยกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ เป็นผู้ควบคุมเวลามาตรฐานของประเทศ ไทย และการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเวลาให้เที่ยงตรงในแต่ละปี ก็จะประสานงานกับสถาบันนานาชาติเกี่ยวกับน้ำหนักและการวัดในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ปัจจุบัน ประเทศไทยได้กำหนดเวลามาตรฐานของประเทศเป็น UTC + 7 คือเร็วกว่าเวลามาตรฐานโลก 7 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ประเทศเมืองหนาวทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ยังมีการปรับเวลาในฤดูร้อนและฤดูหนาวด้วย เช่น พอย่างเข้าสู่ฤดูร้อนก็จะปรับเวลาให้เร็วขึ้นอีก 1 ชั่วโมง หรือที่เรียกว่า Daylight Saving Time และพอเข้าสู่ฤดูหนาวก็จะมีการปรับกลับมาเหมือนเดิม เพื่อใช้ประโยชน์จากแสงของดวงอาทิตย์ให้มากที่สุด

นาฬิกาในปัจจุบันมีรุ่นที่มีเข็ม หรือ ไทม์โซนให้ใช้เลย เพื่อความสะดวกในเวลาที่เดินทางไปต่างประเทศ จะได้รู้ถึงเวลาท้องถิ่นและทราบถึงเวลาที่บ้านตนเองด้วย

จะเดินทางไปไหน อย่าลืมตรวจสอบ ไทม์โซนของแต่ละประเทศด้วยนะครับ เพื่อเวลานัดหมายของคุณจะไม่คลาดเคลื่อนครับ

ขอบคุณครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น